มารู้จักกับ RoV กันเถอะ


RoV หรือชื่อเต็ม Realm of Valor มีรูปแบบการเล่นคล้ายเกม MOBA บน PC ทั่วไป ที่จะให้ผู้เล่นเลือกฮีโร่มา 1 ตัวไปทำการต่อสู้แบบ 5 ต่อ 5 กับฝั่งตรงข้าม

ผู้เล่นใหม่มีอะไรต้องรู้เกี่ยวกับ RoV บ้าง

ถึงแม้เกม RoV จะถูกออกแบบมาให้เล่นง่ายกว่า MOBA บน PC แต่ผู้เล่นก็ยังจำเป็นต้องทำการศึกษาเกมอยู่ดี เช่น
  • การเรียนรู้คำศัพท์พื้นฐาน: OP, บัฟ, เนิฟ, ไก่, ดัน, CC, RoV Prime คืออะไร
  • ตำแหน่งในเกมมีอะไรบ้าง: โรมมิ่ง, แครี่, ป่า, กลาง คืออะไร
  • มีเทคนิคอะไรที่ต้องรู้บ้าง: การแยกดัน, การแก็งค์เลนอื่น, การยืนเลน
ตำแหน่งแบ่งตามสายของตัวฮีโร่
  • แครี่: เป็นตัวละครมีดาเมจที่รุนแรงแต่จำเป็นต้องใช้ไอเทมหลายชิ้น โดยส่วนมากโจมตีเป็นกายภาพ และมีพลังชีวิตไม่ค่อยมากนัก ถูกสังหารได้ง่าย มักตกเป็นเป้าของแอสซาซิน หน้าที่หลักของแครี่คือการทำดาเมจให้เยอะและไวที่สุด โดยส่วนมากจะเป็นตัวละครประเภทโจมตีไกล
  • แทงค์: เป็นตัวละครที่มีดาเมจน้อย แต่มีความโดดเด่นในความอึด รวมทั้งมี CC ในการทำจังหวะให้เพื่อน แทงค์มีความสามารถในการทำดาเมจทั้งกายภาพและเวทมนต์ หน้าที่หลักของเขาคือสร้างเพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมทีมสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยส่วนมากเป็นตัวละครประเภทโจมตีใกล้
  • ไฟท์เตอร์: เป็นตัวละครที่มีทั้งความอึดและความสามารถในการทำดาเมจระดับหนึ่ง รวมทั้งมี CC ติดตัวด้วย ถึงแม้จะดูทำได้ทุกอย่าง แต่ตัวละครประเภทนี้มักจะอยู่ตรงกลางไปไม่สุดซักทาง หน้าที่หลักของไฟท์เตอร์คือการเติมเต็มทีม
  • เช่น ถ้าทีมขาดดาเมจเขาก็จะเข้าไปช่วยทำดาเมจ หรือถ้าแทงค์รับดาเมจไม่ไหว ก็จะช่วยเข้าไปแบ่งรับภาระ และในบางครั้งก็ทำหน้าที่แยกดันป้อมดึงความสนใจด้วย โดยส่วนมากมักเป็นตัวละครประเภทโจมตีใกล้
  • เมจ: เป็นตัวละครที่มีดาเมจสูงเหมือนแครี่ แต่จุดเด่นที่แบ่งแยกจากแครี่คือทำดาเมจเป็นเวทมนต์ และส่วนมากจะทำดาเมจหมู่ด้วย ในขณะที่แครี่ทำดาเมจใส่เป้าหมายเดีว เมจมีพลังชีวิตที่ต่ำ ถูกตกเป็นเป้าเสมอ หน้าที่หลักของเมจคือการทำดาเมจใส่เป้าหมายให้เยอะและมากที่สุด โดยส่วนมากมักเป็นตัวละครประเภทโจมตีไกล
  • แอสซาซิน: เป็นตัวละครที่มีดาเมจสูง เน้นการทำดาเมจแบบ Burst (ทำดาเมจเยอะ ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ ) และมีความสามารถในการเคลื่อนที่สูง หรือเป็นตัวละครที่พริ้วที่สุดนั่นเอง หน้าที่หลักของแอสซาซินคือเข้าไปลอบสังหารแครี่และเมจของศัตรู และหลบหนีออกมา โดยส่วนมากมักจะตัวละครประเภทโจมตีใกล้
  • ซัพพอร์ท: เป็นตัวละครที่มีดาเมจต่ำ แต่มีจุดเด่นคือความสามารถต่าง ๆ ในการช่วยเหลือเพื่อน เช่นการสร้างโล่, การบัฟเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่, การชุบชีวิต และอื่น ๆ อีกมากมายที่ต่ำแหน่งอื่นไม่มี
  • หน้าที่หลักคล้าย ๆ แทงค์คือทำให้เพื่อนร่วมทีมทำหน้าที่ของตัวเองได้ง่ายขึ้น จะไม่เน้นการรับดาเมจ แต่จะช่วยเหลือเพื่อนด้วยสกิลสนับสนุนของพวกเขาแทน เช่นป้องกันแครี่หรือเมจเป็นหลัก

คำศัพท์ในเกม RoV เป็นสิ่งที่ควรรู้มาก ๆ ก่อนเล่นเพราะไม่งั้นจะสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมไม่รู้เรื่อง

นอกจากนี้การรู้คำศัพท์ยังทำให้เราสามารถเข้าใจตัวเกมมากขึ้น ทำให้เราวิเคราะห์และต่อยอดความรู้ของเราได้ สำคัญสุด ๆ สำหรับผู้เล่น RoV ทุกคน จะพยายามไล่เท่าที่จำเป็นให้

  • บัฟ: สิ่งที่ช่วยเพิ่มค่าสถานะนั้น ๆ เช่น บัฟความเร็วในการโจมตีคือสกิลหรือความสามารถที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตี หรืออีกบริบทหนึ่งที่ใช้กันคือ เอาไว้เรียกตัวละครที่ได้รับการอัปเดตมาให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น ในแพตช์นี้ Valhein ถูกบัฟ แปลว่า ในแพตช์นี้ Valhein ถูกปรับให้แข็งแกร่งขึ้น
  • เนิฟ: การปรับให้ตัวละครนั้นอ่อนแอลง เช่น ในแพตช์นี้ Valhein ถูกเนิฟ แปลว่า ในแพตช์นี้ Valhein อ่อนแอลง
  • แพตช์: เวอร์ชันของเกม โดยปกติ RoV จะทำการอัปเดตเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ทำให้มีการอัปเดตแพตช์เรื่อย ๆ เพื่อทำให้ตัวเกมทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งปรับแก้สมดุลให้ฮีโร่ที่แข็งแกร่งเกินไปอ่อนแอลง และฮีโร่ที่อ่อนแอเกินไป แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย
  • CC (Crowd Control): แปลว่าความสามารถในการทำให้ศัตรูผิดปกตินั่นเอง เช่น การทำให้หยุดนิ่ง, การทำให้เคลื่อนที่ช้าลง, การทำให้ศัตรูร่ายสกิลไม่ได้ และอื่น ๆ
  • สตั๊น (Stun): สถานะที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่, การโจมตีปกติ, การใช้สกิล, การใช้ชาเลนเจอร์สกิล หนึ่งใน CC ที่เจอบ่อยมาก
  • สโลว์ (Slow): สถานะที่ทำให้ช้าลง ซึ่งมี 2 รูปแบบคือ เคลื่อนที่ช้าลง และโจมตีปกติช้าลง
  • ดูดเลือด: เอฟเฟคการฟื้นฟูพลังชีวิตจากการโจมตีปกติ เช่น ใส่ไอเทมดูดเลือด 10% และโจมตีปกติทำความเสียหายใส่ครีป 100 เลือดของเราก็จะเพิ่ม 10 นั่นเอง (10% ของ 100)
  • เวทแวมไพร์: เอฟเฟคการฟื้นฟูพลังชีวิตจากการใช้สกิล เช่น ใส่ไอเทมเวทแวมไพร์ 10% และใช้สกิลทำความเสียหายใส่ครีป 100 เลือดของเราก็จะเพิ่ม 10 นั่นเอง (10% ของ 100)
  • ดาเมจ (Damage): ความเสียหายที่ได้รับ หรือพลังโจมตีของเรา (การโจมตีปกติ หรือสกิล) ใช้ได้หลากหลายบริบท เช่น ตัวละครนี้ทำดาเมจได้เยอะมาก แปลว่า ตัวละครนี้สร้างความเสียหายให้กับคนอื่นได้มาก หรือเราโดนดาเมจเยอะ แปลว่า ตัวละครของเราได้รับความเสียหายมาก
  • เกราะ: ค่าที่ช่วยลดความเสียหายทางกายภาพ ยิ่งมีเยอะยิ่งโดนดาเมจกายภาพน้อย
  • ต้านเวท: ค่าที่ช่วยลดความเสียหายทางเวท ยิ่งมีเยอะยิ่งโดนดาเมจเวทน้อย
  • พลังโจมตี (AD): ค่าที่บ่งบอกว่า การโจมตีปกติเรารุนแรงขนาดไหน ยิ่งมีเยอะยิ่งโจมตีปกติแรง (และสกิลประเภทกายภาพส่วนใหญ่ก็มักจะแรงขึ้นตามพลังโจมตี)
  • พลังเวท (AP): ค่าที่บ่งบอกว่า สกิลประเภทเวทของเรารุนแรงขนาดไหน ยิ่งมีเยอะยิ่งใช้สกิลประเภทเวทแรง
  • พลังชีวิต/เลือด (HP): หลอดสีเขียว ยิ่งมีเยอะยิ่งรับดาเมจได้เยอะ ถ้าเกิดพลังชีวิตเหลือ 0 จะตาย เช่น มีพลังชีวิต 1,000 และโดนดาเมจ 300 ก็จะเหลือพลังชีวิต 700 แต่ไม่ตาย แต่ถ้าโดนดาเมจ 1,000 ก็จะตายทันที
  • มานา (MP): หลอดสีฟ้าข้างใต้หลอดสีเขียว เป็นค่าที่เอาไว้ใช้ในการใช้สกิล ถ้ามานาไม่พอ ก็จะไม่สามารถใช้สกิลนั้น ๆ ได้ เช่น สกิล 1 ใช้มานา 300 และเรามีมานา 600 ก็จะเท่ากับว่าใช้สกิล 1 ได้ 2 รอบนั่นเอง
  • ดันป้อม: การทำลายป้อมของศัตรู
  • ฟาร์ม: การเก็บเงินและเลเวลให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น
  • ครีป: ตัวที่เดินไปยังเลนต่าง ๆ 
  • เกิด: การที่แข็งแกร่งนำไปไกลกว่าคนอื่น ๆ
  • แบก: การที่คน ๆ เดียวทำให้เกมขึ้นนำหรือชนะ
  • ไก่: การที่ฝีมือต่ำกว่ามาตรฐาน
  • แจก: การไปให้ศัตรูสังหารบ่อย ๆ
  • GG (Good Game): เป็นคำที่พิมพ์ช่วงจบเกมเพื่อเป็นมารยาทว่า ‘เกมนี้เป็นเกมที่สนุกนะ’ แต่หลัง ๆ มาถูกเอามาใช้เป็นคำประชดแทน เช่น ในช่วงเริ่มเกมมีการพิมพ์ GG เกิดขึ้นเป็นการสื่อนัย ๆ ว่า ‘เกมนี้แพ้แล้ว’
  • เมต้า (Meta): ย่อมาจาก Most Effective Tactics Available หรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในเวลานั้น เป็นคำที่มักจะใช้เรียกกลยุทธ์, ตัวละคร หรือวิธีการเล่นที่มีทำให้มีโอากสชนะเยอะที่สุดในตอนนั้น
  • คูลดาวน์ (CD): ระยะเวลาก่อนที่จะใช้สกิลนั้น ๆ ครั้งต่อไปได้ เช่น สกิล 1 คูลดาวน์ 10 วินาที แปลว่า เมื่อใช้สกิล 1 เสร็จ จะไม่สามารถใช้สกิลนั้นได้อีก 10 วินาทีถึงแม้จะมีมานาพอก็ตาม
  • อันติ (Ultimate): คือสกิลที่ 3 ของตัวละครนั้น ๆ
  • แก็งค์: การไปเลนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เลนของเราเพื่อทำการช่วยเพื่อนสังหารศัตรู
  • ออกของ: ซื้อไอเทมในเกม เช่น เมื่อมีคนถามว่า ออกของ RoV ยังไงให้โหด ก็แปลว่า การซื้อไอเทม RoV ยังไงให้โหด
  • ไฟท์/ทีมไฟท์: การปะทะกันของผู้เล่นหลาย ๆ คนทั้ง 2 ทีม
  • Dive: การเข้าไปสังหารศัตรูในป้อมของศัตรู
  • หัวร้อน: อาการหงุดหงิดหรือโมโห เมื่อตัวเกมไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้
ตัดเลือด: ไอเทมประเภทที่ทำให้สดอัตราการฟื้นฟูเลือดของศัตรู ในเกม RoV มี 2 ชิ้นได้แก่ Curse of Death และ Soul Scroll

ไปเลนไหนดี?


สิ่งแรก ๆ ที่ผู้เล่นมือใหม่ควรตัดสินใจคือ การเลือกเลนที่ตัวเองจะเล่น เพราะการเล่นในเลนที่ตัวเองไม่ถนัดนั้นทำให้ดึงฝีมือของตัวเราออกมาได้ไม่เต็มที่

แนะนำว่าในช่วงแรกให้ลองเล่นทุก ๆ เลนเลย เพราะจะได้รู้ว่า เราถนัดหรือชอบเลนไหนที่สุด โดยแบ่งเป็นทั้งหมดหลัก ๆ 5 เลน:

  • เลน Dark Slayer หรือเลนมังกรเล็ก: ส่วนใหญ่เป็นเลนที่ไฟท์เตอร์หรือแทงค์มักจะไป และเป็นเลนที่ต้องเล่นคนเดียว หน้าที่หลัก ๆ ของเลนนี้คือกันป้อมไม่ให้แตก และคอยไปช่วยเลนกลางให้บ่อยที่สุด
  • เลน  Abyssal Dragon หรือเลนมังกรใหญ่: เป็นเลนที่แครี่อยู่ประจำ เลนนี้มักจะมีโรมมาช่วยบ่อย หน้าที่หลัก ๆ ของเลนนี้คือกันป้อมไม่ให้แตกเหมือนกัน แต่จะต้องคอยไปช่วยทั้งเลนกลาง และสังหาร Abyssal Dragon ด้วย ทำให้เกิดการปะทะบ่อย
  • ป่า: ตรงตัวเลยคือ บริเวณป่าในฝั่งของเรา เป็นเลนที่ได้เงินและค่าประสบการณ์เยอะที่สุด (ไม่รู้เรียกว่าเลนได้มั้ย แต่เพื่อความเรียบง่ายจะเรียกว่าเลนนะครับ ฮ่า ๆ ) มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ในเกม ต้องคอยไปช่วยเหลือเพื่อนในเลนต่าง ๆ และสังหาร Objective อย่าง Abyssal Dragon และ Dark Slayer ส่วนใหญ่แอสซาซินหรือแครี่มักจะไปเลนนี้ เนื่องจากเป้นตำแหน่งที่ต้องใช้ไอเทมและค่าประสบการณ์เยอะ
  • เลนกลาง: ส่วนใหญ่มักเป็นเลนที่เมจไป แต่บางครั้งแครี่หรือไฟท์เตอร์ก็มาเลนนี้ หน้าที่หลัก ๆ ก็คือการป้องกันไม่ให้ป้อมแตก และไปช่วยเลนอื่นให้มากที่สุด รวมทั้งป่าด้วย เนื่องจากเลนกลางอยู่ตรงกลางแผนที่ ทำให้ไปช่วยเลนอื่นได้ง่าย
  • โรม: ส่วนใหญ่มักจะเป็นเลนที่แทงค์และซัพพอร์ทไป หน้าที่หลัก ๆ คือทำให้แครี่ และเพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายที่สุด เช่น การเดินไปเปิดแผนที่ตามพุ่มไม้ต่าง ๆ

แล้วรูนจะใช้อะไรยังไงดี?


รูนคือสิ่งที่ใส่เพื่อเพิ่มค่าสถานะของตัวละครเราก่อนเริ่มเกม ซึ่งรูนนั้นก็มีหลากหลายสาย เพื่อส่งเสริมค่าสถานะที่เหมาะกับสายต่าง ๆ

แนะนำว่า เป็นสิ่งแรกที่ควรเก็บเงินซื้อก่อนตัวละคร อย่างน้อย ๆ ควรซื้อรูนเลเวล 2 มาใช้ก่อนค่อยเริ่มเก็บเงินไปซื้อตัวละครที่ชอบ

การไม่มีรูนหรือใช้รูนที่ผิดถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ เพราะถ้าคำนวณรวม ๆ กันแล้ว การใส่รูนเลเวล 3 ครบทำให้เราได้เปรียบเหมือนได้ค่าสถานะไอเทมมากกว่าคนอื่น 1 ชิ้นเลยทีเดียว

แต่แน่นอนว่าการที่จะซื้อรูนเลเวล 3 ครบได้ทั้งหน้านั้นต้องใช้เวลา เพราะใช้เงินในการซื้อพอสมควรเกือบ 3 หมื่น ผู้เล่นใหม่ควรอดทนนิดนึง และนี่เป็นอีกเหตุผลว่า ทำไมเราควรหาตำแหน่งหรือเลนที่เราถนัดให้ได้เป็นอันดับแรก

เพราะถ้าเกิดเปลี่ยนใจทีหลัง ต้องซื้อรูนใหม่ทั้งเซ็ท เนื่องจากแต่ละเลนใช้รูนไม่เหมือนกันนั่นเอง (โดนมาแล้วหลายหมื่น ตอนแรกกะจะเล่นแครี่สุดท้ายรู้ตัวว่าถนัดโรม)

วิธีการจัดรูน RoV นั้นก็จะมีวิธีง่าย ๆ คือการจัดตามโปรเพลย์เยอร์หรือ Youtuber นั่นเอง เพราะพวกนี้จะพิสูจน์มาแล้วว่ารูนเหล่านั้นดีกับตัวละครนั้นจริง

พลังแฝงคืออะไร และใช้แบบไหนดี?


  • Lokheim เหมาะสำหรับไฟท์เตอร์ และแอสซาซิน
  • Veda เหมาะสำหรับเมจและแครี่
  • Afata เหมาะสำหรับแทงค์และซัพพอร์ท
  • Human สายเฉพาะทางสำหรับกลยุทธ์แปลก ๆ

โครงสร้างของพลังแฝงนั้นจะแบ่งเป็นย่อยข้างในอีก 3 ระดับ ได้แก่ I, II และ III





วิธีการเลือกพลังแฝง RoV

จัดเตรียม > พลังแฝง > แนะนำ > โปรเพลย์เยอร์

เลือกสกิลชาเลนเจอร์อันไหนดี?

สกิลชาเลนเจอร์เป็นเหมือนสกิลเพิ่มเติมที่ผู้เล่นสามารถเลือกไปใช้ในเกมได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสกิลที่ใช้เพิ่มสนับสนุนสไตล์การเล่นของฮีโร่นั้น ๆ ทำให้เล่นง่ายขึ้น


  • Flicker: วาร์ประยะสั้น ๆ ไปยังจุดหมายที่เลือก, มีคูลดาวน์ 120 วินาที
  • Heal: ฟื้นฟู HP 15% และเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ 15% ให้กับเพื่อนร่วมทีมรอบ ๆ เป็นเวลา 2 วินาที, มีคูลดาวน์ 120 วินาที
  • Sprint: ลบสถานะลดความเร็วและได้รับความเร็วเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 70% (จะลดลงเรื่อยๆ ถึง 30%) เป็นเวลา 10 วินาที, มีคูลดาวน์ 100 วินาที
  • Punish: สร้าง 800 ความเสียหายจริง แก่ครีป หรือมอนสเตอร์ป่าที่เลือกจากนั้นส่งผลให้ติดสถานะ สตั๊นเป็นเวลา 1 วินาที, มีคูลดาวน์ 30 วิ
  • Execute: สร้างความเสียหายจริงใส่ฮีโร่ศัตรูรอบ ๆ เป็นจำนวน 16% จากชีวิตของฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามที่หายไป (ยิ่งศัตรูเลือดน้อยยิ่งแรง), มีคูลดาวน์ 90 วินาที
  • Roar: ฮีโร่จะได้รับความเร็วโจมตีเพิ่มขึ้น 60% และพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 5 วินาที, มีคูลดาวน์ 60 วินาที
  • Disturb: ทำให้ป้อมของศัตรูในบริเวณหยุดทำงานเป็นเวลา 5 วินาที, มีคูลดาวน์ 60 วินาที
  • Dazed: สตั๊นศัตรูรอบๆ 0.5 วินาที พร้อมกับลดพลังโจมตีของศัตรูที่โดนลง 40% เป็นเวลา 2 วินาที, มีคูลดาวน์ 90 วินาที
  • Purify: ล้างสถานะผิดปกติที่ส่งผลกับฮีโร่ของเราทันที และต้านทานสถานะเหล่านั้นเป็นเวลา 1.5 วินาที, มีคูลดาวน์ 120 วินาที

จากประสบการณ์สกิลที่มีประสิทธิภาพแล้วใช้ได้ง่ายที่สุดคือสกิลชาเลนเจอร์ 4 อันดับแรก ได้แก่ Flicker, Heal, Sprint และ Punish

คู่มือออกไอเทมใน RoV ยังไงให้ชนะอีกฝ่าย?

ไอเทมในเกมนั้นเป็นอีกปัจจัยที่กำหนดได้เลยว่า จะแพ้หรือชนะ ในหัวข้อนี้จะไม่ได้ไล่รายละเอียดไอเทมทั้งหมดแต่จะบอกแทนว่า ควรออกไอเทมอย่างไรถึงจะชนะอีกฝ่ายได้ โดยผู้เขียนจะแบ่งเกณฑ์ไอเทมเป็นประมาณ 2 ชนิดหลัก ๆ

  • ไอเทมหลัก: ไอเทมหลักคือไอเทมที่ทำให้ตัวละครนั้นดึงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ และเป็นไอเทมที่จำเป็นต่อฮีโร่ตัวนั้น ๆ มาก ถ้าไม่มีไอเทมชนิดนี้ จะแทบทำเกมไม่ได้เลย
  • ไอเทมแก้ทาง: ไอเทมแก้ทางคือไอเทมที่ฮีโร่ตัวนั้นไม่ต้องออกก็ได้ แต่จะออกตามสถานการณ์ ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบเรามากที่สุด โดยปกติแล้วสามารถออกเป็นไอเทมชิ้นนี้ก่อนเสมอ เนื่องจากจะทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้แบบสุด ๆ

ในการที่จะเอาชนะเกมได้อย่างต่อเนื่อง เราต้องรู้ก่อนว่า ตัวละคนของเรานั้นใช้ของอะไรบ้างถึงจะสามารถดึงประสิทธิภาพออกมาสูงที่สุด โดยส่วนมากจะเป็นไอเทมประมาณ 1-3 ชิ้น (ไม่รวมรองเท้า) ขึ้นอยู่กับตัวละครนั้น ๆ 


สรุป

การที่จะเล่นเกม RoV ให้เป็นและชนะได้บ่อย ๆ นั้นมีปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือความรู้และความเข้าใจในตัวเกม รองลงมาจะเป็น Mechanic ต่างๆว่า เมื่อเรารู้ความรู้เหล่านั้นแล้วสามารถนำไปใช้จริงได้มากแค่ไหน

ถ้ายังพัฒนาทั้ง 2 อย่างนี้เรื่อย ๆ รับรองว่า คุณเองก็สามารถกลายเป็นเซียน RoV ได้เช่นกัน

หวังว่าจะทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจในตัวเกมและสนุกกับมันมากขึ้น โชคดีนะคะ

ความคิดเห็น